“ลูกคนอื่นเริ่มพูดแล้ว ทำไมลูกเรายังไม่พูดเลยนะ?”
“เด็กวัยนี้ควรจะเล่นแบบนี้หรือเปล่า?”
“หรือว่า… ลูกเราช้ากว่าคนอื่น?”

เสียงในใจเหล่านี้ หมอได้ยินจากพ่อแม่อยู่เสมอค่ะ และเชื่อไหมคะว่า…พ่อแม่คือคนที่จะรู้ และสังเกต พัฒนาการลูกได้แม่นยำที่สุด
แต่หลายครั้ง ความสงสัยนั้น กลับถูกกลบด้วยคำว่า “เดี๋ยวก็ตามเพื่อนทันแหละ” หรือ “อย่าคิดมากไปเอง ลูกของเราไม่น่าผิดปกติหรอก” ทั้งที่บางครั้ง สิ่งเล็ก ๆ เหล่านั้น… อาจเป็น สัญญาณสำคัญ ที่ไม่ควรมองข้าม

พัฒนาการ ไม่เป็นไปตามวัย คืออะไร?

โดยทั่วไป เด็กแต่ละวัยจะมีพัฒนาการทางร่างกาย ภาษา สังคม และการเล่น ที่สามารถคาดการณ์ได้คร่าว ๆ ว่าควรทำอะไรได้เมื่ออายุเท่าไหร่ เช่น:

  • 6 เดือน: ยิ้มตอบ หันหาเสียง
  • 1 ขวบ: เรียกพ่อแม่ได้ หยิบของเองได้
  • 2 ขวบ: พูดคำ 2 พยางค์ได้ เดินคล่อง
  • 3 ขวบ: เล่นกับเด็กอื่นเป็น พูดประโยคสั้นได้
  • 4-5 ขวบ : สามารถเข้าใจคำสั่งซับซ้อน พูดเล่าเรื่องได้

หากลูกของเรา “ขาด” ทักษะสำคัญบางอย่างไปในช่วงวัยนั้น ๆ หรือ “หยุดพัฒนา” ทั้งที่ควรที่จะพัฒนาได้ตามวัย นั่นอาจเป็น สัญญาณเตือน ได้ค่ะ

สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

ลองเช็กดูว่า ลูกของคุณมีลักษณะเหล่านี้ไหม?

  • ไม่สบตา ไม่ยิ้ม ไม่ตอบสนองทางสังคม ตั้งแต่ยังเล็ก
  • พูดช้ากว่าเกณฑ์มาก หรือพูดเป็นคำเดี่ยว ๆ จนเกิน 2 ขวบ
  • มีพฤติกรรมซ้ำ ๆ แปลก ๆ เช่น หมุนของ กวาดมือหน้าตา
  • เล่นกับเด็กอื่นไม่เป็น หรือไม่สนใจคนรอบตัว
  • ควบคุมอารมณ์ไม่ได้อย่างรุนแรง จนกระทบการใช้ชีวิต
  • สมาธิสั้นมากจนเรียนไม่ได้แม้โตขึ้น
  • เคยพูดได้หรือทำอะไรได้ แล้วถอยกลับไปทำไม่ได้อีก

หากมีสัญญาณใดสัญญาณหนึ่ง หรือมากกว่านั้น ควรพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจประเมินพัฒนาการ โดยเร็วที่สุด

แล้วควรปรึกษาใคร?

1. กุมารแพทย์ทั่วไป หรือกุมารแพทย์ด้านพัฒนาการ

  • ประเมินพัฒนาการเบื้องต้น
  • แนะนำแนวทางกระตุ้นพัฒนาการหรือส่งต่อเฉพาะทางหากจำเป็น

2. นักกิจกรรมบำบัด / นักแก้ไขการพูด

  • ช่วยดูแลด้านการสื่อสาร การเล่น การเคลื่อนไหวอย่างเฉพาะเจาะจง เช่น เด็กพูดช้า เล่นไม่เป็น หรือมีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อมัดใหญ่/เล็ก

3. จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น

  • ในกรณีที่มีพฤติกรรมแปลก อารมณ์รุนแรง หรือสงสัยภาวะออทิสติก สมาธิสั้น ฯลฯ
  • จิตแพทย์เด็กจะช่วยประเมินแบบองค์รวม ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ และพัฒนาการ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่ารอ

หมอเข้าใจค่ะว่า บางครั้งคำว่า “พิเศษ” หรือ “ช้ากว่าเกณฑ์” อาจเป็นคำที่พ่อแม่ไม่อยากได้ยิน แต่ในความเป็นจริง การรู้เร็ว จะทำให้ลูกได้รับการกระตุ้นและพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น

“พัฒนาการเด็ก ไม่ใช่การแข่งขัน” แต่การสังเกตและยอมรับความแตกต่างของเขา คือก้าวแรกของการเลี้ยงลูกให้ ‘เติบโตในแบบของตัวเอง’ อย่างมั่นคง

หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้หมอช่วยออกแบบแบบสอบถามคัดกรองง่าย ๆ หรืออยากรู้วิธีเตรียมตัวก่อนพาลูกไปประเมินพัฒนาการหมอยินดีแบ่งปันเพิ่มเติมนะคะ

เขียนโดย พญ.สิริน ปุญญโชติ
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น