ตั้งแต่ที่หมอเริ่มทำงานเป็นจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นมา คุณพ่อคุณแม่หลายท่านที่พาลูกมาตรวจมักจะมีคำถามคล้ายๆ กันว่า
“คุณหมอคะ ลูกเป็นออทิสติกไหม เป็นแท้หรือเทียม ?”
บางครั้งก็เล่าให้ฟังว่าเคยมีคนทักว่าลูกพูดช้า เล่นกับเพื่อนไม่ค่อยได้ ไม่สบตา ดูเหมือน “ออทิสติก” แต่พอประเมินแล้วกลับไม่เข้าเกณฑ์ของออทิสติกแท้
เด็กเหล่านี้เองที่เราเรียกกันว่า “ออทิสติกเทียม” ซึ่งแม้จะไม่ใช่การวินิจฉัยทางการแพทย์โดยตรง แต่ก็เป็นคำที่ใช้เรียกเด็กกลุ่มหนึ่งที่แสดงพฤติกรรมคล้ายออทิสติกในบางช่วงวัย
ออทิสติกเทียมคืออะไร?
ออทิสติกเทียม (Pseudo-autism) เป็นภาวะที่เด็กมีพฤติกรรมบางอย่างที่ คล้ายกับเด็กที่มีภาวะออทิสติก เช่น
- พูดช้า
- ไม่สบตา
- ไม่เล่นกับคนอื่น
- สนใจของเล่นแบบซ้ำๆ
- ไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียก
แต่เมื่อประเมินอย่างละเอียด เด็กกลุ่มนี้ ยังไม่เข้าเกณฑ์การวินิจฉัยโรคออทิสติกจริง และบางคน เมื่อได้รับการกระตุ้นพัฒนาการอย่างเหมาะสม พฤติกรรมเหล่านี้สามารถ “ถอยกลับ” หรือ “ดีขึ้น” ได้อย่างชัดเจนภายในเวลาไม่นาน
อะไรทำให้เกิดออทิสติกเทียม?
ภาวะนี้อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น
- ขาดการกระตุ้นจากคนรอบข้าง : เด็กที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับหน้าจอมือถือหรือโทรทัศน์ ขาดการโต้ตอบกับผู้ใหญ่หรือเพื่อนร่วมวัย อาจพัฒนาทักษะทางสังคมและภาษาได้ช้าลง
- พัฒนาการล่าช้าบางด้าน : เด็กบางคนพูดช้าแต่เข้าใจคำพูดดี เล่นกับคนอื่นได้ เพียงแค่ต้องการเวลามากกว่าปกติ
- กรรมพันธุ์หรือพื้นอารมณ์เฉพาะตัว : เด็กบางคนเงียบ สุขุม ไม่ชอบวุ่นวาย หรือเล่นตามลำพัง ซึ่งอาจดูคล้ายเด็กออทิสติกแต่จริงๆ แล้วเป็นลักษณะนิสัยส่วนตัว
แล้วออทิสติกแท้คืออะไร?
ออทิสติก หรือ Autism Spectrum Disorder (ASD) เป็นภาวะพัฒนาการทางสมองที่แตกต่าง ส่งผลให้เด็กมีความยากลำบากในการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม มีพฤติกรรมหรือความสนใจแบบซ้ำๆ จำกัด แสดงออกทางอารมณ์หรือเข้าใจอารมณ์คนอื่นได้ยาก
โดยความแตกต่างที่สำคัญคือ เด็กออทิสติกแท้มักมีพฤติกรรมเหล่านี้ต่อเนื่องและส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตในหลายด้าน แม้จะได้รับการกระตุ้นแล้วก็ยังคงต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเราเป็น “ออทิสติกเทียม” หรือ “ออทิสติกแท้”?
คุณหมอขอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตพฤติกรรมลูกอย่างต่อเนื่อง และหากกังวลใจ ควรพามาพบผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์เด็ก นักจิตวิทยา หรือ กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการ
การประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจธรรมชาติของลูก และสามารถวางแผนการกระตุ้นหรือดูแลพัฒนาได้ตรงจุด
สรุปใจความสำคัญ
- ออทิสติกเทียมไม่ใช่โรค แต่เป็นลักษณะพฤติกรรมที่คล้ายออทิสติก ซึ่ง อาจกลับมาพัฒนาได้ดีหากได้รับการกระตุ้นอย่างเหมาะสม
- การวินิจฉัยแยกระหว่างออทิสติกเทียมกับออทิสติกแท้ต้องใช้การประเมินอย่างละเอียด
- สิ่งสำคัญที่สุดคือ การสังเกตลูกอย่างใกล้ชิด และไม่ปล่อยให้เติบโตไปพร้อมหน้าจอ มากเกินไป
เขียนโดย พญ.สิริน ปุญญโชติ
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น