หลายครอบครัวเริ่มสงสัยเมื่อลูกมีพฤติกรรมบางอย่างที่แตกต่างจากเด็กในวัยเดียวกัน คำถามที่มักผุดขึ้นมาในใจคือ
“ลูกเป็นออทิสติกหรือเปล่า ?”
การรู้เท่าทันและสังเกตสัญญาณเบื้องต้นจะช่วยให้เด็กได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการระยะยาวอย่างมาก
ในบทความนี้ อยากขอให้คุณพ่อแม่ลองสังเกต 10 สัญญาณเตือนที่อาจบ่งชี้ว่า ลูกอาจมีความเสี่ยงเป็นออทิสติก เพื่อเป็นแนวทางในการเฝ้าระวังและขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
10 สัญญาณเตือนออทิสติกในเด็ก ที่ไม่ควรมองข้าม
- ไม่สบตา ไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกชื่อ
- เด็กไม่มองหน้าหรือสบตาขณะเล่นหรือพูดด้วย
- ไม่หันเมื่อถูกเรียกชื่อแม้หลายครั้ง
- ไม่มีการชี้เพื่อสื่อสาร
- เด็กไม่ชี้สิ่งของที่สนใจเพื่อให้พ่อแม่ดู
- ขาดพฤติกรรมร่วมแบ่งปันความสนใจ
- พูดช้า หรือไม่มีพัฒนาการทางภาษา
- พูดคำแรกช้ากว่า 16 เดือน
- หรือเคยพูดได้แล้วเงียบไป
- ไม่เล่นสมมติหรือเล่นตามบทบาท
- เช่น ไม่เล่นเลี้ยงตุ๊กตา ไม่แกล้งทำอาหาร
- มีพฤติกรรมซ้ำๆ เดิมๆ
- เช่น หมุนของ เล่นของเล่นแบบเดิมๆ ซ้ำๆ
- โบกมือ เดินวน หรือขยับตัวซ้ำๆ โดยไม่มีจุดประสงค์
- มีปัญหาในการเข้าสังคม
- ไม่สนใจเล่นกับเด็กคนอื่น
- เล่นคนเดียวโดยไม่สนใจใครรอบข้าง
- ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงหรือมีความยึดติดกับกิจวัตร
- หากตารางเวลาเปลี่ยน เด็กอาจงอแงหรือเครียด
- ตอบสนองต่อสิ่งเร้าทางประสาทสัมผัสผิดปกติ
- เช่น ไม่ชอบเสียงดังหรือแสงจ้าเกินปกติ หรือ ชอบสัมผัสบางอย่างมากเป็นพิเศษ
- ไม่เลียนแบบพฤติกรรมผู้อื่น
- เช่น ไม่เลียนแบบท่าทางง่ายๆ อย่างตบมือ โบกมือ
- ไม่แสดงอารมณ์หรือมีภาษากายที่จำกัด
- หน้าตาเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึก
- ไม่ใช้มือประกอบการสื่อสาร
เมื่อสังเกตพบสัญญาณเหล่านี้ ควรทำอย่างไร?
- อย่ารอเวลา! หากพบสัญญาณมากกว่า 2–3 ข้อ ควรรีบปรึกษาจิตแพทย์เด็กหรือนักจิตวิทยาพัฒนาการ
- การวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ ช่วยให้ลูกได้รับการดูแลและฝึกทักษะได้เร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น เพราะอาการออทิสติกมีความหลากหลาย
การรู้เท่าทันอาการออทิสติกและสังเกตพฤติกรรมของลูกอย่างใกล้ชิด คือก้าวแรกของการดูแลพัฒนาการอย่างเข้าใจ พ่อแม่สามารถช่วยลูกให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ หากได้รับการวินิจฉัยและฝึกทักษะอย่างเหมาะสมตั้งแต่ต้น
พญ.สิริน ปุญญโชติ
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น