สวัสดีค่ะ วันนี้หมออยากมาชวนพ่อแม่ลองคิดดูว่า… ทุกวันนี้เรารู้ทันเทคโนโลยีที่ลูกใช้แค่ไหนกัน? หรือว่าปล่อยให้ลูกเล่นมือถือเอง แล้วก็แอบกังวลอยู่ห่างๆ ว่าเขาจะเจออะไรไม่ดีไหม
หมอเข้าใจดีค่ะ ว่าหลายบ้านรู้สึก “ตามไม่ทัน” เพราะเด็กยุคนี้ใช้มือถือคล่อง ได้จิ้มแท็บเล็ตตั้งแต่ยังพูดไม่ชัด
แต่หมออยากชวนกลับมาคิดใหม่ว่า…เราไม่จำเป็นต้องเก่งเท่าลูก แต่เราต้องรู้ให้ลึกกว่าเขา เพื่อดูแลเขาให้ได้
เทคโนโลยีไม่ได้เลี้ยงลูกให้เราได้
เราอาจคิดว่า YouTube Kids หรือเกมบางเกม “ก็ทำมาให้เด็กอยู่แล้ว” แต่จริงๆ แล้ว “ระบบอัลกอริทึม” มันเลือกสิ่งที่ดึงดูดเด็ก ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับพัฒนาการของเขาเสมอไป เด็กวัยก่อนเรียนยังแยกไม่ออกหรอกค่ะว่าอะไรจริง อะไรล้อเล่น อะไรดูแล้วทำให้ใจสงบ หรือดูแล้วกระตุ้นจนคุมอารมณ์ไม่ได้
หมอเจอเด็กหลายคนที่มีปัญหาสมาธิสั้นลง (ไม่ใช่โรคสมาธิสั้นนะคะ เพียงแค่โฟกัสกับสิ่งต่างๆได้น้อยลงกว่าเดิม) นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวนมากขึ้น ทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกับการใช้หน้าจอมากเกินไป
แล้วพ่อแม่จะ “รู้ทัน” ลูกได้ยังไง?
คุณพ่อคุณแม่ ไม่ต้องไปเรียนไอทีเพิ่มค่ะ แค่เรามีเครื่องมือที่ถูกต้อง และเข้าใจหลักคิดบางอย่าง ก็ช่วยได้มากแล้ว หมอจะขอแนะนำแอพที่จะเข้ามาช่วยให้การจัดการเวลาหน้าจอของลูกง่ายขึ้นสำหรับพ่อแม่ค่ะ
Application ที่ช่วยดูว่าเด็กใช้อะไรบ้าง
1. Google Family Link: ดูเวลาที่ลูกใช้แอพแต่ละตัว ตั้งเวลาใช้งาน ล็อกเครื่องได้จากมือถือพ่อแม่เลย
2. Apple Screen Time: ถ้าใช้ iPhone/iPad อยู่แล้ว ใช้งานง่ายมาก ดูรายงานได้เลยว่าใช้แอพไหนนานแค่ไหน
3. Qustodio: ครอบคลุมทั้งมือถือ คอมพิวเตอร์ ใช้ดูเว็บ/แอพที่ลูกเข้า และสรุปรายงานให้แบบเข้าใจง่าย
Application ที่ช่วยควบคุมการโหลดและใช้งาน
1. Family Link / Apple Content & Privacy: ตั้งให้ลูกโหลดแอพได้เฉพาะที่พ่อแม่ “อนุมัติ”
2. Kids Place (Android): สร้างโหมดเด็กเฉพาะที่พ่อแม่เลือกแอพไว้ให้แล้ว ลูกออกไปใช้อะไรอื่นไม่ได้เลย
เทคนิคเล็กๆ ที่หมออยากแนะนำ เล่นหรือดูคลิปกับลูก แล้วใช้โอกาสนั้นถามลูกว่าเขาชอบอะไร ทำไมถึงเลือกดูคลิปนี้ มีกติกาครอบครัวเรื่องหน้าจอ เช่น วันธรรมดาดูได้กี่นาที เสาร์อาทิตย์กี่ชั่วโมง
พ่อแม่เองก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกเช่นกัน วางมือถือเวลาคุยกับลูก เล่นกับลูกแบบไม่เปิดจอข้างๆ
สิ่งที่สำคัญคืออย่าลืม การมีเวลาคุณภาพ ระหว่างคุณพ่อคุณแม่และคุณลูกด้วยนะคะ
หมออยากให้พ่อแม่ทุกคน “อยู่ในโลกของลูก โดยไม่หลงทางไปกับมัน”เพราะถ้าเรารู้ไม่ทัน ลูกจะต้องเรียนรู้เอง ด้วยวิธีที่อาจเสี่ยงหรือเจ็บปวด แต่ถ้าเรารู้เท่าทัน รู้ก่อน เราจะเป็น “เพื่อนร่วมทาง” ที่ช่วยแนะนำเขาในโลกดิจิทัลที่ซับซ้อนได้
เทคโนโลยีไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัว แต่เป็นสิ่งที่เราต้องเข้าใจ เพื่อให้ลูกเราใช้อย่างสร้างสรรค์ ปลอดภัย และเติบโตไปอย่างมั่นใจในโลกที่มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงค่ะ